Wednesday, November 21, 2007

Nature of Human

จำไม่ได้แล้วว่าเริ่มรู้จัก พันทิปดอทคอม ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เลาๆว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าหกปี เป็นสมาชิกรุ่นเก๋ากึ๊กสมัยที่ยังสมัครกันง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองมากมายอย่างเช่นเดี๋ยวนี้

แต่กาลผ่าน เวลาเปลี่ยน สังคมพันทิปขยายตัวมากขึ้น และอย่างที่โบราณว่า "คนเยอะ เรื่องก็แยะ" พันทิปต้องเดือดเนื้อร้อนใจกับการกระทำของคนที่เป็นสมาชิกมากมายหลายครั้ง

กฏระเบียบที่เคยวางไว้หลวมๆก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้รัดกุมยิ่งขึ้น และหนึ่งในสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเงื่อนไขการสมัครสมาชิก

หลักฐานข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหลายจึงถูกเรียกเก็บจากเจ้าหน้าที่เวบฯ เพื่อเอาไว้ใช้เมื่อเกิดกรณีพิพาทใดๆก็ตาม เรียกว่า จะมาทำตัวเป็นเสือซุ่มในพันทิป แล้วทำอะไรตามใจฉันอย่างเดิมไม่ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องรู้ไว้ว่า หากมีเรื่อง ตัวตนจะถูกค้นขึ้นมาได้ไม่ยาก

สมาชิกใหม่ก่อนสมัครต้องยื่นหลักฐาน ส่วนรุ่นอมยิ้มปากหุบก็ต้องส่งข้อมูลไปอัพเดท...แต่...คนอยู่ไกลบ้าน จะเอาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนที่ไหนส่งไป จะให้คนที่บ้านทำให้ก็รู้สึกว่าเป็นการวุ่นวายกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ สมาชิกภาพจึงถูกระงับใช้ไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้

จนกระทั่งได้มีโอกาสหยิบยืมอมยิ้มของอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตมาใช้ จึงทำให้มีโอกาสกลับมาโลดแล่นอยู่ในพันทิปได้อีกครั้ง

สามสี่ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เรียกได้ว่า แทบไม่มีวันไหนที่ไม่ได้เข้าพันทิป เพราะพันทิปเปรียบเหมือนสายใยที่สามารถพากลับเข้าไปสู่บรรยากาศไทยๆแบบที่คุ้นเคย

พันทิปไม่ได้เป็นแค่เวบบอร์ด แค่เวบไซต์ แต่กลายมาเป็น "เพื่อน"

เบื่อ ก็เข้า...เฉลิมไทย...หาข้อมูลหนังละคร
เซ็ง ก็เข้า...ห้องสมุด ถนนนักเขียน...หานิยายดีดีอ่าน
หิว ก็เข้า...อาหารการกิน จนกระทั่งแยกออกมาเป็นก้นครัว...หาเมนูน่าสน

เข้าพันทิปอยู่ไม่กี่โต๊ะ จำนวนกระทู้ที่โพสต์แทบจะนับนิ้วได้ แต่ก็เห็นและเรียนรู้อะไรได้มากพอควร

พันทิปก็เหมือนสังคมจริง มีคน มีเรื่องราว มีสถานที่ คนอยู่รวมกัน เกิดก๊ก เกิดเหล่า เกิดพวก การกระทบกระทั่งนั้นก็เลี่ยงไม่ได้ เวลาเข้าไปมุงดูกระทู้ในตำนานทั้งหลาย น้อยครั้งที่จะฝากความคิดเห็นไว้ เพราะหากเป็นความคิดเห็นที่มีผู้อื่นโพสต์ไว้แล้ว ก็ไม่รู้จะไปพูดซ้ำทำไม หรือหากไม่เห็นด้วยกับคนหมู่มากในหัวข้อก็ขี้เกียจจะไปสวนกระแส

เหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในโต๊ะก้นครัว ไม่ใช่เรื่องแรกและคงจะไม่ได้เป็นเรื่องสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในพันทิป

ธรรมชาติของคน ถึงแม้จะบอกว่า "เป็นกลาง" หากในใจก็คงเลือกฝ่ายไว้บ้างแล้ว เอียงมาก เอียงน้อย ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและวิจารณญาณ

ในเมื่อมี ฝ่าย ก็ย่อมมี พวก ความคิดเห็นที่แสดงออกก็ไปในทางที่จะสนับสนุน ฝ่ายและพวกของตน ไม่แปลกและพบเห็นได้ทั่วไป

โดยส่วนตัวได้เฝ้าอ่านทุกกระทู้ ทุกความคิดเห็นตั้งแต่เริ่มต้น ก็พอจะมองภาพได้ชัด

หากเรื่องมันจะเกิดเพราะคนสองฝ่าย ที่
ฝ่ายหนึ่ง...เป็นผู้ทำประโยชน์สูงในแก่ชุมชน มีคุณงามความดีติดตัวมากมาย แต่เผลอพลั้งทำผิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
อีกฝ่าย...เป็นเจ้าของบ้าน เป็นผู้ดูแลกฏระเบียบ ที่มีวิจารณญาณ มีความเป็นธรรม

ก็ต้องบอกว่า เข้าใจทั้งสองฝ่าย

แต่ที่กระทู้ยาวนับหลายร้อยความคิดเห็น เพิ่มดีกรีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ มันเกิดจาก คนฝ่ายที่สาม ที่สี่
ฝ่ายหนึ่ง...เข้าข้างคนดี
อีกฝ่าย...เห็นใจเจ้าของบ้าน

เหตุการณ์บานปลายถึงขนาดลากเอาเรื่องเงิน สปอนเซอร์ และผลประโยชน์เข้ามาเป็นประเด็น หลายคนโกรธเคือง ก่นด่าและไม่พอใจ บางคนถึงขนาด "ทวงบุญคุณ" เอากับพันทิป ค่าที่ "อุตส่าห์" มาเล่นเวบฯเลยทีเดียว

ถ้าจะถามมางานนี้ใครผิด คงจะต้องตอบว่า "โทสะและอารมณ์ชั่ววูบ" ที่ผิด
แต่ละฝ่ายมีเหตุผล เพียงแต่เป็นเหตุผลที่ต่างกัน และยืนกันอยู่คนละมุม การทะเลาะเบาะแว้ง การกระทบกระแทกแดกดัน และการตีความคงจะไม่เกิดขึ้น หากผู้ส่งสาร ผู้รับสารมิได้อยู่ในอารมณ์โกรธและมองเพียงมุมของตน

แต่ก็อย่างว่า ไม่มีคนสองคนที่มองเห็นอะไรในมุมเดียวกัน แม้สองคนนั้นจะยืนขี่คอกันอยู่ก็ตาม!

สุดท้าย...ขอแสดงความเห็นใจและชื่นชมแด่พันทิป คุณครูออนไลน์คนที่สอง (รองจากคุณครูกูเกิ้ล)

ปล. (แม้ว่าอาจจะไม่มีใครมาค้นพบบลอคนี้) ที่ลุกขึ้นมาเขียน entry นี้ มิได้ต้องการฝื้นฝอยหากตะเข็บหรือกวนน้ำให้ขุ่น เพียงแต่ต้องการบันทึกไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในวันที่มองจากมุมนอก หากวันใดเกิดเหตุขึ้นกับตัว อาจจะนำมาสอนใจได้ไม่มากก็น้อย

No comments: